FOLLOW US ON SOCIAL

Hyde Park Residence โรงแรมน้องใหม่พร้อมสรรพทั้งห้องพัก และอาหารชั้นดี บริการดีระดับห้าดาว

ล่าสุดได้แวะเวียนไปริวิวโรงแรมหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นโรงแรมน้องใหม่ของเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ เพิ่งเปิดทำการได้ไม่กี่เดือน แต่โรงแรมนี้ต้องบอกเลยว่าถ้าใครได้มาพักแล้วหละก็จะต้องรู้สึกถึงความสบายและรูปแบบการตกแต่งที่ไม่เหมือนใคร และโรงแรมแห่งนี้เรียกได้ว่าอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ การเดินทางสะดวกสบายมากใกล้ๆ โรงพยาบาลสวนดอกนี่เอง

และโรงแรมที่น้าอ้วนพูดถึงก็คือ HYDE PARK RESIDENCE โรงแรมขนาดกลาง ขนาด 5 ชั้นอยู่ในซอยเชียงคำ (ซอยด้านข้างร้าน 7-Eleven สาขาตรงข้ามโรงพยาบาลสวนดอก) เลี้ยวรถเข้ามาประมาณ 800 เมตร โรงแรมจะอยู่บริเวณด้านซ้ายมือ จะจอดรถบริเวณด้านข้างโรงแรม หรือจะเข้าไปจอดในลานจอดรถของโรงแรมเลยก็ได้ สะดวกสบายมาก

DSC_1876DSC_1879 DSC_1881

ถึงแม้โรงแรมนี้จะเป็นโรงแรมขนาดกลาง แต่เรียกได้ว่าอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ถือว่าสู้โรงแรมขนาดใหญ่ๆ ได้สบาย ถึงแม้จะไม่อลังการเท่าแต่ถ้าได้เข้ามาชมแล้วจะต้องรู้สึกตื่นเต้นและสัมผัสถึงความสดใหม่ ของโรงแรมแห่งนี้ แต่เดี๋ยวช่วงท้าย น้าอ้วนจะพาทัวร์โรงแรมนะจ๊ะ ไปดูส่วนต่างๆ ของโรงแรม และไปดูห้องพัก แต่ว่าตอนนี้เรามารีวิวอาหารกันก่อนดีกว่า

ห้องอาหารหลักของโรงแรมแห่งนี้ชื่อ 59 Cafe คือตั้งตามชื่อเลขที่ของโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 08:00 น. ถึง 15:00 น. (สำหรับแขกภายนอก) และในส่วนของอาหารเช้าสำหรับแขกที่พักในโรงแรม จะให้บริการตั้งแต่ 06.30 น. – 10:00 น. คอนเซ็ปอาหารของที่นี่คือ Love at first sight คือให้รักตั้งแต่แรกพบ โดยทางโรงแรมจะเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดเท่าที่จะหามาได้ และเอามาปรุงเป็นอาหารสักจานเพื่อให้ลูกค้าได้กินแล้วประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ชิม เพราะเมื่อลูกค้าประทับใจ ก็ย่อมที่จะกลับมาในครั้งต่อไป นั่นแหละคือหลักการของที่นี่

DSC_1895 DSC_1902

Crab and Cream (225 บาท) หรือถ้าเรียกง่ายๆ ก็อาจจะเรียกว่าแซนวิชเนื้อปูก็ได้ เนื้อปูที่คลุกเคล้ากับครีมซอส รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ และแอปเปิ้ลเขียวเพิ่มความสดชื่น เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมปังแซนวิช เห็ดย่าง ไข่ดาวเสิร์ฟมาเป็นเครื่องเคียงอยู่ในจาน ถือเป็นเมนูเบาๆ อิ่มอย่างมีรสชาติ

DSC_1946

Pasta Carbonara (149 บาท) ใครที่ชื่นชอบความเป็นครีม เป็นนมเนย ต้องขอแนะนำสปาเก็ตตี้ คาร์โบนาร่าของที่นี่ รสชาติเข้มข้น จัดเต็มเครื่องเริ่มจากครีมซอสที่ข้นฃลั๊ก เบคอนชิ้นใหญ่ๆ เห็ดรสชาติหนุบหนับ สุดท้ายโรยด้วยเบคอนทอดกรอบที่กรุบกรอบและเพิ่มความเข้มข้นของชีสด้วยพาเมซานชีส บอกเลยว่าใครที่ชอบคาร์โบนาร่า จานนี้ต้องห้ามพลาด

DSC_1959

Egg Benedict (195 บาท) ใครที่ชอบการกินอาหารเช้าสไตล์อเมริกัน เชื่อเลยว่าเมนู  Egg Benedict ต้องเป็นเมนูที่อยู่ในใจของใครหลายคน Poached Egg หรือที่ใครหลายคนอาจจะเรียกว่าไข่ลวก ที่ด้านนอกสุกแต่ด้านในยังมีความเป็นยางมะตูม เสิร์ฟกันมา 2 ฟองอยู่บนขนมปังและกัวคาโมเล่ (อาหารสไตล์แม็กซิกัน ทำมาจากอโวคาโด้บดละเอียดผสมกับเครื่องปรุงต่างๆ) แต่ที่นี่จะได้ไม่ได้เป็นกัวคาโมเล่สไตล์แม็กซิกันจ๋า แต่จะได้รสที่กลมกล่อมและละมุนมาก เสิร์ฟพร้อมสลัดผักสด และเบคอนทอด ซึ่งอย่างที่น้าอ้วนบอกว่าที่นี่จะเลือกใช้แต่วัตถุดิบที่ดีที่สุดเท่าที่จะหามาได้ และเจ้าเบคอนทอดในจานนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าที่นี่เด็ดจริง

DSC_1958

Double Salmon (225 บาท) ใครที่ชื่นชอบแซลมอน จะต้องอดใจสั่งจานนี้ไม่ได้แน่นอน คำว่า Double Salmon ก็มาจากในจานนี้มีแซลมอนอยู่ 2 ชนิดคือ เนื้อปลาแซลมอน (Smoked Salmon) และไข่ปลาแซลมอนนั่นเอง สอดแทรกด้วยครีมชีสชิ้นโตที่เนียน หนึบและนุ่ม พร้อมกับสลัดผักสดที่แสนสดชื่น เขาว่ากินปลาแล้วจะได้ฉลาด ดังนั้นไม่ควรพลาดเมนูนี้นะจ๊ะ

DSC_1969 DSC_1973

ย้อนกลับมามองหาเมนูไทยๆ ออกมาทางเมืองเหนือซะหน่อย เมนูยอดฮิตอย่างข้าวซอย ที่นี่ก็มีนะจ๊ะ ข้าวซอยไก่ (145 บาท) ข้าวซอยสไตล์เมืองเหนือ รสชาติออกหวานนำ กลิ่นเครื่องเทศหอมตลบอบอวนมาก เพราะเชฟได้บอกว่าในน้ำแกงของข้าวซอยนี้มีเครื่องเทศสไตล์อินเดียผสมอยู่ ดังนั้นกลิ่นต่างๆ จึงออกมาเด่นมาก และที่สำคัญน่องไก่ที่อยู่ในชาม น่องไก่ไม่ตุ๋นอยู่ในน้ำแกงข้าวซอยตามแบบที่ร้านอื่นๆ เขาทำกัน แต่ที่นี่จะเอาน่องไก่ไปหมักและไปย่างไฟให้สุกพอดี จะได้น่องไก่ที่ไม่สุกมาก เนื้อยังมีความเหนียวเบาๆ เพื่อให้ได้รสสัมผัส (Texture) ในการเคี้ยวในปาก

DSC_1974 DSC_1989

มาดูในฝั่งสเต็กบ้างนะจ๊ะ วันนี้น้าอ้วนได้ลองชิมอยู่ 2 อย่างเอง (พูดอย่างดูน้อยเลยนะ แต่รวมทุกอย่างที่ชิมวันนี้ก็เยอะมากแล้วนะ แต่เป็นน้าอ้วนแล้วต้องชิมเพื่อแฟนเพจ ๕๕๕๕)

Kurobuta Porkchop (395 บาท) สเต็กหมูคุโรบูตะซอสลำไย พูดตามตรงว่าสเต็กหมูพ็อคช้อปที่ไหนก็มี แต่ทำไมต้องมากินที่นี่ เพราะว่าที่นี่มีซอสที่ไม่เหมือนใคร ก็คือซอสลำไยนั่นเอง (แต่ซอสอื่นๆ เช่นพริกไทยดำ, ลูกพรุน อะไรแบบนี้ก็มีนะ) ซอสที่รสชาติแปลกใหม่ รู้สึกถึงความหวานแบบกลมกล่อมที่เป็นตัวเด่น ทำให้เวลาที่กินกับเนื้อหมูคุโรบุตะที่ย่างสุกร้อนๆ มาแล้วหละก็มันรู้สึกว่าแปลกแต่เข้ากันได้อย่างลงตัว

DSC_1998

สุดท้าย Sea bass Cream Lemongrass (350 บาท) สเต็กปลากะพงที่แล่เนื้ออกมาเป็นชิ้นใหญ่พอควร เอาไปย่างไฟจนเนื้อและหนังปลาสุกและกรอบแต่ด้านในยังคงความฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมผักโขมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผักที่มีประโยชน์ ไฟเบอร์สูง และผักย่างต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่กินอร่อยและยังมีประโยชน์อีกด้วย สำหรับสาวๆ ที่ต้องการคุมน้ำหนัก นี่เลยเมนูนี้รับประกันกินแล้วไม่อ้วน

DSC_2011

ปิดท้ายด้วยของหวานล้างปากสักจาน “ขนมครกหลวง (95 บาท)” เมนูที่จำลองขนมครกแบบไทยๆ มาเป็นเมนูที่หน้าตาอินเตอร์ ขนมครกชิ้นใหญ่ที่ฉ่ำด้วยกะทิ และความมันของข้าวแท้ๆ ที่เอาไปบดแล้วทำเป็นขนมครกชิ้นนี้ เสิร์ฟพร้อมกับข้าวเหนียวมูน และมะม่วงสุกที่หวานหอม ถือเป็นเมนูไทยๆ ที่เอามาดัดแปลงให้ดูอินเตอร์และยังคงความอร่อยแบบไทยๆ ได้เป็นอย่างดี

DSC_2052

เมนูอาหารเช้า (All Day Breakfast) ที่น้าอ้วนรีวิวไปไม่ว่าจะเป็น Crab & Cream, Double Salmon, Egg Benedict และอื่นๆ สำหรับแขกที่เข้าพักที่โรงแรม สามารถเลือกได้ว่าจะรับเป็นเมนูไหนสำหรับมื้อเช้าในแต่ละวันตั้งแต่เวลา 06:30 – 10:00 น.

นอกจากนั้นก็ยังมีเครื่องดื่มอย่าง 59 Coffee ทั้งแบบร้อนและเย็น ซึ่งเป็น Signature Drink ของที่นี่ เป็นกาแฟสไตล์ไทยๆ ที่รสชาติไม่หวาน หอมกลุ่มกลิ่นกาแฟ ในรสชาติที่เรียบและละมุน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบอะไรหวานๆ แบบน้าอ้วน

DSC_1939

ในเมื่อเราอิ่มท้องกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมที่จะตลุยเยี่ยมชมส่วนต่างๆ ของโรงแรมกันแล้ว รวมถึงห้องพักด้วยนะจ๊ะ เผื่อใครมีอารมณ์แบบว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศที่นอน เบื่อเตียงตัวเดิมๆ ที่บ้านแล้ว ลองหาที่พักแปลกใหม่สักคืนสองคืน ก็ลองดูที่นี่ได้ก่อนนะจ๊ะ ก่อนอื่นก็เริ่มจากบริเวณ Lobby ที่ค่อนข้างกว้างขวางสะดวกสบาย รวมไปถึงมีห้อง Meeting Room เล็กๆ ไว้สำหรับแขกที่เข้าพักทุกท่านไว้ใช้สอยทำกิจกรรมที่ต้องการ

DSC_2194 DSC_2197

ขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นต่างๆ ของโรงแรม ซึ่งบริเวณชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ลานจอดรถ ดังนั้นห้องพักต่างๆ จะเริ่มจากชั้น 3 เป็นต้นไป (ระบบลิฟท์ที่นี่จะเป็นคีย์การ์ด ผู้ที่ได้อนุญาตเท่านั้นที่จะสามารถขึ้นไปยังส่วนห้องพักได้เท่านั้น) ชั้น 3 จะมีห้องพักสไตล์ต่างๆ เริ่มต้นด้วยพื้นที่ใช้สอย 32 ตารางเมตร อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ถ้าเป็นห้องกลางจะเป็นห้องที่พื้นที่อาจจะเล็กหน่อย แต่ถ้าเป็นห้องหัวมุมตึกจะมีพื้นที่กว้างขึ้น และสามารถมองเห็นวิวของสนามกอล์ฟ หรือวิวของเมืองได้อย่างเต็มที่

DSC_2068 DSC_2074 DSC_2081 DSC_2098 DSC_2120 DSC_2154 DSC_2158 DSC_2162 DSC_2186 DSC_2187

ต้องบอกเลยว่าน้าอ้วนได้แวะเวียนไปดูห้องพักหลายสไตล์มาก เรียกได้ว่าเดินเข้าออกเกือบทุกห้อง และทุกชั้น ๕๕๕๕ โดยเฉพาะชั้นสูงสุดก็คือชั้น 5 ความแปลกและไม่เหมือนใครของที่นี่ก็คือลักษณะของห้องพักแบบ Duplex คือห้องพักที่มีบันไดขึ้นชั้น 2 ที่อยู่ในห้องนั้นๆ โดยจะมีทั้งที่เป็น Duplex 1 ห้องนอน (พื้นที่ 62 ตรม.) หรือจะเป็น Grand Duplex แบบ 2 ห้องนอน (พื้นที่ 94 ตรม.) พร้อมห้องรับแขกในตัว และครัวเล็กๆ ที่มีลักษณะเหมือนพวก Serviced Apartment เรียกได้ว่าเป็นห้องพักที่ตอบโจทย์ของการเข้าพักแบบครอบครัว หรือกรุ๊ปใหญ่ได้อย่างลงตัวจริงๆ

d3c913707eed43e5b4382ccb70a4b067

ชื่อร้าน : 59 Cafe’ – Hyde Park Residence
ที่อยู่ : 59 ซอยเชียงคำ ถนนสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.785270, 98.972475 (แผนที่จาก Google Maps)
ติดต่อ : 053-275959 , 093-1304844 , https://www.facebook.com/Hyde.Park.Chiang.Mai
เวลาเปิดปิด : 08:00 – 15:00 น. ทุกวัน (สำหรับแขกภายนอก) , ลูกค้าที่เข้าพักเริ่มให้บริการตั้งแต่ 06.30 – 15.00 น.
Wongnai Review : https://www.wongnai.com/restaurants/236017bl-59-café

RELATED POSTS

COMMENT

0 Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save