Friday Seafood Buffet at Akaligo Restaurant

วันนี้น้าอ้วนมีโอกาสได้รับเกียรติจากทางโรงแรมดาราเทวี ให้ไปลองทานอาหารทะเลในโปรแกรม Friday Seafood Buffet ซึ่งทางโรงแรมได้เริ่มโปรแกรมนี้เป็นวันแรกครับ ซึ่งโปรแกรมนี้จะมีทุกวันศุกร์ครับ โรงแรมดาราเทวีได้ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าเป็นโรงแรมหรูอันดับต้นๆ ของเชียงใหม่ ดังนั้นวันนี้น้าอ้วนขอถือโอกาสเป็นไกด์พาเที่ยวชมโรงแรมแห่งนี้ครับ

ชื่อร้าน : Friday Seafood Buffet at Akaligo Restaurant
ที่อยู่ : โรงแรม  ดาราเทวี ตำบลท่าศาลา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.778805,99.039053 (แผนที่จาก Google Map)
ติดต่อ :  053 888888 , http://www.dharadhevi.com/
เวลาเปิด-ปิด : 18:00 – 21:30 น. เฉพาะวันศุกร์เท่านั้น

แจ้งข่าวนิดหนึ่ง …. ตอนนี้บุฟเฟ่ต์ Friday Seafood เขาไม่มีแล้วนะจ๊ะ
แต่ความประทับใจของน้าอ้วนยังคงอยู่ ก็เลยขอเก็บรีวิวชุดนี้ไว้ก่อน

ติดตามรีวิวซี่รี่ของ Dhara Dhrevi Hotel ได้ตามนี้เลย

1. REN by Dhara Dhevi : http://www.hungryfatguy.com/2014/12/preview-ren-dharadhevi/

2. Kasalong Cake Buffet : http://www.hungryfatguy.com/2014/02/kasalong-cake-buffet-dharadhevi/

3. Sunday Brunch : http://www.hungryfatguy.com/2013/11/sunday-brunch-dharadhevi-hotel/

โรงแรม แมนดาริน โอเรียลเต็ล ดาราเทวี หรือที่เราเรียกสั้นๆ ว่า โรงแรมดาราเทวี เป็นโรงแรมหรู ที่หลายๆ คนยกย่องให้เป็นโรงแรมระดับ 6 ดาวของเชียงใหม่ ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามและความหรูหราของสถานที่ โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนเชียงใหม่ – สันกำแพง หากเรามาจากในเมือง ผ่านแยกหนองประทีป ตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 1.3 กิโลเมตร (ก่อนถึงสี่แยกบวกครกศรีวิไล) จะมีซอยอยู่ด้านขวามือครับ มีป้ายทางเข้าโรงแรมชัดเจน เลี้ยวเข้าไปประมาณ 350 เมตร โรงแรมจะอยู่ขวามือครับ ใหญ่อลังการ

เมื่อมาถึงโรงแรม ลานจอดรถจะอยู่บริเวณหน้าโรงแรมเลยครับ กว้างขวางเอาการเลย แล้วเราก็จะเจอซุ้มประตูใหญ่ ตั้งกระหง่านเด่นอยู่หน้าโรงแรมเลยครับ

น้าอ้วนเลือกที่จะเดินเข้าไปครับ เพราะจะได้เดินดูรอบๆ ทางเข้าโรงแรม ซึ่งเราจะผ่านสวนบริเวณหน้าโรงแรมกว้างขวาง มีสิ่งก่อสร้างที่ดูสวยงามอลังการ

และเมื่อเดินเข้ามาสักพัก ก็จะพบกับ Lobby ของโรงแรมที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่เบื้องหน้า สถาปัตยกรรมคล้ายๆ พม่า (ตามความคิดของน้าอ้วน ซึ่งข้อเท็จจริงไม่แน่ชัด 5555)

ในส่วนของห้องอาหาร Akaligo จะตั้งอยู่ด้านหลังของ Lobby ครับ

บรรยากาศของห้องอาหารถือว่าหรูหรา ใหญ่โต สมกับเป็นห้องอาหารประจำโรงแรม 6 ดาวเลยครับ ซึ่งจะมีทั้งแบบ Indoor และ Outdoor ให้ลูกค้าเลือกว่าจะนั่งห้องแอร์เย็นๆ หรือจะออกไปสูดอากาศข้างนอก มองดูวิวรอบๆ โรงแรม

และการจัดโต๊ะ เขาจัดเต็มครับตามหลักสากลเลยแหละ (น้าอ้วนแอบงงเล็กน้อย แต่พอเคยมีประสบการณ์และทำการบ้านมาก่อน 555)

สำหรับวันนี้เรามาทานบุฟเฟ่ต์กันครับ ดังนั้นเมนูอาหาร เราจึงไม่ขออ่าน 555 ซึ่งบุฟเฟ่ต์ Friday Seafood Buffet ราคา 1,800 บาทสุทธิ (ตอนที่ทราบราคาน้าอ้วนแอบตกใจเล็กน้อย เพราะก่อนมาไม่ทราบว่าโปรแกรมนี้ราคาอะไรเท่าไร) สำหรับความคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายไป เรามาดูว่าที่นี่เขามีอะไรให้ทานบ้าง น้าอ้วนบอกได้เลยว่าเยอะมว๊ากกกก และมีแต่อาหารดีๆ ทั้งนั้นเลย (ภาพจะเยอะมาก ดูกันให้ลายตากันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว)

เริ่มจากไลน์ขนมปังและชีสต่างๆ

ไลน์อาหารปรุงสุกพร้อมทาน

ไลน์อาหารทะเล (ไฮไลท์ของบุฟเฟ่ต์ในวันนี้) ซึ่งจะประกอบไปด้วยกุ้ง หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยนางรม กุ้ง ปูม้า หอยเชลล์ และตัวเด่นของงานในวันนี้คือก้ามปูอลาสก้า ชิ้นใหญ่มากกกกก (แต่น้าอ้วนเกลียดมัน เพราะชอบปักมือน้าอ้วน ตอนที่แงะเนื้อปู 5555, แต่โบราณว่ายิ่งเกลียดสิ่งไหน ยิ่งจะได้เจอสิ่งนั้นบ่อยๆ ดังนั้นน้าอ้วนก็เลยขอเกลียด อิอิ)

และในโซนด้านนอก Outdoor ก็จะมีไลน์บาร์บีคิวครับ ก็มีทั้งปลา ปลาแซลมอน เนื้อ ไก่ กุ้ง กั้ง ปู ฯลฯ ซึ่งเผาและย่างพร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้าสามารถหยิบไปรับประทานได้ทันที

ไลน์อาหารญี่ปุ่น ที่นี่ก็จัดเต็มไม่แพ้กันครับ โซนปลาดิบมีทั้งแซลมอน ทูน่า ทาโกะ (ปลาหมึกยักษ์) ซาบะ หอยปีกนก ฯลฯ และในส่วนของซูชิ ก็จัดเต็มไม่แพ้กัน (โอ้ยยยย ตายๆๆๆ) ซูชิปลาไหลย่าง, ซูชิทาโกะ, ซูชิปูอัด, ซูชิแซลมอน, ซูชิกุ้งหวาน เป็นต้น

ไลน์พาสต้าก็มีครับ มีเส้นพาสต้าให้เลือก 4 อย่างและเลือกได้ว่าจะเอาซอสอะไร พร้อมทั้งกุ้งหอย ปู ปลา อาหารทะเลพร้อมให้ทำเป็นซอสหลากหลาย

ไลน์สลัดบาร์และพวกแซลมอน แฮม ฯลฯ เป็นต้นครับ

ปิดท้ายด้วยไลน์ของหวาน ซึ่งของหวานที่นี่เขาใช้ขนมจากร้าน The Oriental Shop ที่กาดดารา ซึ่งเป็นร้านเค้กชื่อดังของโรงแรมเลยครับ ดังนั้นใครที่เคยไปทานเค้กที่ร้านนี้แล้วติดใจในความอร่อย ถ้ามาทานบุฟเฟ่ต์ที่ Akaligo แห่งนี้ก็ได้ทานด้วยครับ (เยอะมว๊ากกกก อีกแล้ว)

ต่อไปมาถึงคราวเชือดครับ เดินตระเวณดูจนทั่วแล้ว ต่อไปเราดูซิว่าอาหารที่อยู่บนไลน์อาหารที่เราเห็นสวยๆ รสชาติจะเป็นอย่างไร ขอเริ่มจากปิ้งย่าง บาร์บีคิวก่อนนะครับ กุ้งสองตัว (ตัวใหญ่มากก) แซลมอนย่าง ปลาย่าง เนื้อย่าง และน้ำจิ้มซีฟู๊ด แต่ละอย่างบอกเลยว่ารสชาติดีทั้งนั้น แถมน้ำจิ้มยังกลมกล่อมลงตัว

จานต่อมาซูชิจ่ะ … แคลิฟอร์เนียมากิ ซูชิปลาไหลย่าง ซูชิทูน่า ฯลฯ รสชาติไม่แพ้ร้านอาหารญี่ปุ่นดังๆ เลยครับ เด็ดมาก

พอทานซูชิเสร็จ ก็แวะไลน์อาหารญี่ปุ่นข้างๆ ที่เป็นปลาดิบ (Sashimi) น้าอ้วนก็เลือกมาอย่างละชิ้นสองชิ้น 555 เพราะมันเยอะเหลือเกิน ทั้งทาโกะ, แซลมอน, ทูน่า, หอยปีกนก ฯลฯ เชิญดูเองในจานเลยจ่ะ

ส่วนจานนี้น้าอ้วนขอให้เชฟเขาช่วยจัดจานมาให้ 1 จาน โดยมีเงื่อนไขว่าไม่ต้องเอาเยอะ แต่พอเชฟเขาเอามาเสิร์ฟให้ OMG มันเยอะมว๊ากกก แต่ก็ดูดีมากครับ ฝีมือคนละชั้นกับน้าอ้วนเลย (ลงสัยต้องไปลงคอร์สการจัดจานอาหารกับเขาบ้างซะละ)

สปาเก็ตตี้น้าอ้วนขอเลือกเป็น สปาเก็ตตี้คาร์โบนาล่า รวมซีฟู๊ดนะครับ กุ้ง หอย ปู ปลา สดมาก น้ำซอสคาโบนาล่าก็ข้นสุดๆ แต่เชฟให้มาเยอะมากครับ เกือบทานไมหมดแหน่ะ

พระเอกของบุฟเฟ่ต์มื้อนี้มาแล้ว น้าอ้วนภูมิใจนำเสนอซีฟู๊ด ฟู๊ด ฟู๊ด ฟู๊ด (เสียงเอ็คโค่) เริ่มจาก กุ้งตัวใหญ่ๆ ปูม้า หอยเชล หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ พร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดที่กลมกล่อม รสชาติลงตัว หากใครเกรงว่าถ้ากินปูแล้วจะไม่ถนัด ที่นี่เขาก็มีผ้าเช็ดมือพร้อมน้ำล้างมือที่แช่ตะใคร้ มะนาว เลม่อน ใบมะกรูดให้พร้อม สำหรับท่านไหนที่ต้องการทานปูให้ได้อรรถรส

ตามมาพร้อมขาปูอลาสก้า ก้า ก้า ก้า (เอ็คโค่อีกแล้ว) ก้ามใหญ่มากครับ เนื้อด้านในสดมาก หวาน ชุ่ม แต่เสียดายหนามปูชอบปักมือน้าอ้วน 555 (เกลียดจริงๆ แต่เกลียดอย่างไหน มักได้อย่างนั้นเนอะ หึหึ)

ขอจัดพวกสลัด แซลมอนรมควัน หรือผักเล็กๆ น้อยๆ พอเป็นพิธีซะหน่อยครับ

เมื่อเราอิ่มของคาวแล้ว เราก็ต้องปิดท้ายด้วยของหวานครับ ครั้นจะให้น้าอ้วนชิมทุกอย่าง น้าอ้วนว่าคงไม่สามารถ เพราะขนมหวานที่นี่มีเยอะเหลือเกิน ดังนั้นน้าอ้วนเลยขอเลือกอะไรที่เด่นสะดุดตามาซัก 4-5 อย่าง ก็ได้ตามนี้ครับ ต้องยอมรับว่าขนมหวานที่นี่เขาจัดเต็มจริงๆ เข้มข้นทุกอย่างเลยครับ ช็อคโกแลตเน้นๆ ครีมเน้นๆ ผลไม้ก็สด ฯลฯ โดยเฉพาะมาการอง ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นมาการองที่อร่อยที่สุดในเชียงใหม่แล้ว น้าอ้วนก็เลยเอามาลองถือว่าโอเค อร่อยเลยครับ หวานพอดี

ผลไม้สด ช็อคโกแลตฟองดู และอะไรสักอย่าง แฮ่ๆๆ น้าอ้วนจำชื่อไม่ได้ แต่ก็อร่อยดีครับ

ระหว่างมื้ออาหารทางโรงแรมจัดแชมเปญจ์ให้ด้วยครับ เป็นแชมเปญจ์ฝรั่งเศส ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะผสมน้ำส้มหรือน้ำสัปปะรด สนนราคาแก้วละ 650 บาท หรือถ้าเป็นขวดก็โปรโมชั่นที่ 3,000 บาท

ในเมื่อทุกอย่างในจานหมดเกลี้ยง เราก็ถึงเวลาต้องมาสรุปกันแล้ว สำหรับห้องอาหาร Akaligo ที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียลเต็ล ดาราเทวี แห่งนี้ น้าอ้วนให้คะแนน 9/10 (ขอหักคะแนนที่ราคาสูงไปหน่อย) แต่ทุกอย่างเพอร์เฟ็คครับ ไม่ใช่ว่าที่น้าอ้วนให้คะแนนสูงแบบนี้เพราะว่าเขาเชิญให้ไปชิม และเกรงใจว่าเป็นโรงแรมใหญ่ แต่ด้วยส่วนตัวของน้าอ้วนแล้ว น้าอ้วนทำงานบริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์กับทางโรงแรมอยู่ น้าอ้วนติดต่อกับโรงแรมแห่งนี้แทบจะทุกวันครับ ดังนั้นน้าอ้วนรู้ดีถึงวัฒนธรรมองค์กร (Corporate Culture) ของที่นี่เป็นอย่างดีครับ ดังนั้นบอกได้เลยว่าบริการและความเอาใจใส่ลูกค้าของที่นี่เป็นเยี่ยม (เพราะคำว่าโรงแรม 5 ดาว มันไม่ได้กันมาง่ายๆ เขาต้องวัดกันหลายอย่างทั้งสถานที่ บริการและอีกหลายๆ อย่างนำมาประกอบกัน ทุกอย่างต้องเนี๊ยบ ถึงจะได้คำนี้มาใช้)

อีกอย่างสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในเรื่องบริการก็คือ อย่างที่เห็นน้าอ้วนรีวิวว่ามีหอยนางรมด้วยในบุฟเฟ่ต์ แต่เผอิญว่าตอนที่น้าอ้วนจะไปตักหอยนางรมมันหมดเสียก่อน ซึ่งน้าอ้วนก็ถามพนักงานที่ประจำอยู่ไลน์อาหารทะเล เขาก็บอกว่ามันหมดแล้ว ซึ่งน้าอ้วนก็ไม่ได้ว่าอะไร หมดก็หมดครับ ไม่ได้ติดใจอะไร แต่พอตอนที่จะกลับ ผู้จัดการโรงแรมก็เดินไปส่งครับ แล้วก็ขอโทษเรื่องหอยนางรมที่หมดก่อน ซึ่งตรงนี้มันทำให้เห็นถึงความเอาใจใส่ถึงความรู้สึกของลูกค้า ซึ่งน้าอ้วนคุยกับพนักงานประจำไลน์ แต่ผู้จัดการห้องอาหารยังทราบถึงความต้องการของลูกค้าแต่ละคนและสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

Share on Facebook

Tweet

Follow us