Tichaa Tea Room นิมมานเหมินทร์ ซอย 17 เชียงใหม่

แอบหายไปนาน … น้าอ้วนแอบหนีไปเที่ยวต่างประเทศมา รีวิวต่างๆ เลยถูกดองไว้ (รสชาติกำลังเปรี้ยวกำลังดี ทานอร่อย ๕๕๕) เริ่มต้นด้วยรีวิวแรกที่กลับมาจากไปเที่ยวมาด้วยร้านขายชาชื่อดัง Tichaa Tea Room เป็นร้านชาระดับคุณภาพในเครือ HARNN ชื่อนี้ชาวกรุงเทพต้องรู้จักดีแน่นอน เพราะเป็นแบรนด์เกี่ยวกับ Spa และเครื่องหอมที่เขามีช้อปอยู่บนห้างหรู อย่าง Siam Paragon และในวันนี้เขาได้แตกไลน์สินค้าอีกตัวหนึ่งในรูปแบบของชา โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า Tichaa นั่นเอง

ชื่อร้าน : Tichaa Tea Room นิมมานเหมินทร์ ซอย 17 เชียงใหม่
ที่อยู่ : 16/1 ถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 17 (แยกจำปี) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.79495,98.966589 (แผนที่ Google Map)
ติดต่อ :  092-2692776, http://www.tichaa.com/
เวลาเปิด-ปิด :  อาทิตย์-พฤหัสบดี 11:00-21:00 น. , ศุกร์และเสาร์ 11:00-24:00 น.

ถ้าจะบอกว่าร้านนี้อยู่นิมมานซอย 17 ก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะถ้ามุ่งประเด็นไปหาร้านนี้ที่ซอย 17 อย่างเดียวเชื่อเถอะหาไม่เจอหรอก ๕๕๕ ถ้าใครที่ต้องการมาเที่ยวร้าน Tichaa Tearoom ก็สามารถมาได้ 2 ทางคือ

1.ถนนศิริมังคลาจารย์ ให้เลี้ยวเข้าซอยสายน้ำผึ้ง (ซอยเดียวกับร้านไอศครีม iBerry ของคุณโน้สอุดม) ให้ตรงมาเรื่อยๆ จนเกือบสุดซอย แล้วจะมีทางบังคับเลี้ยวขวา แต่ไม่ต้องเลี้ยวครับ เพราะร้านเขาจะอยู่ทางซ้ายมือนั่นเอง

หรือ 2. ถ้าหากมาจากทางถนนนิมมานเหมินทร์ ก็ให้เข้าซอย 17 ตามปกติครับ ผ่านร้าน Neighborhood และร้าน Magenta พอถึงร้านคุณหมอคูซีน ให้สังเกตทางขวามือครับ จะมีซอยอยู่ให้เลี้ยวเข้าไปในซอย แล้วไม่ต้องเลี้ยวซ้ายนะครับ ให้ตรงไป ร้านจะอยู่ทางขวามือ

พอมาถึงที่ร้านก็สะดุดตากับรูปแบบการตกแต่งของร้านนี้ ออกสไตล์จีนๆ ผสมผสานแนวสากลทำให้ลูกค้าที่เข้ามาไม่รู้สึกว่าหนักไปทางใดทางหนึ่ง ถ้าเราเข้ามาในตอนแรกก็จะเจอกับส่วนของที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ HARNN และ Tichaa ให้เราบุกเข้ามาข้างในครับ เพราะว่าส่วนของร้านอาหารจะอยู่ด้านใน ซึ่งลักษณะการตกแต่งก็จะคล้ายคลึงกับส่วนด้านหน้า และก็จะมีสวนหย่อมสไตล์จีนไว้ให้ลูกค้าได้เดินชม และถ่ายรูปด้วย

ไม่ใช่ว่าชื่อว่าร้านชาแล้ว จะมีขายแต่ชาอย่างเดียว ที่นี่เขาก็ยังมีเมนูของเครื่องดื่มต่างๆ ไว้บริการด้วย เช่นกาแฟ น้ำผลไม้ หรือแม้แต่ไวน์ต่างๆ ก็ยังมีบริการด้วยเช่นกัน ส่วนทางด้านของอาหารก็จะมีทั้งแบบทานเล่นๆ หรือทานจริงๆ หรือจะเลือกเป็นเซ็ทก็ยังมี สนนราคาตามเมนูที่น้าอ้วนนำมาเสนอเลย

มาถึงเรื่องกินกันบ้าง เริ่มต้นจากเครื่องดื่มต่างๆ ทั้งแบบที่มีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ ที่ได้ดื่มแล้วจะรู้สึกสดชื่น รวมไปถึงชาและกาแฟที่ร้านนี้เขามีบริการ ในส่วนของชาเราสามารถเลือกชาได้ว่าต้องการชาแบบไหน และมีเครื่องดื่มหนึ่งที่เราสามารถเลือกกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยที่เราต้องการหยดใส่ชา เพื่อเพิ่มความหอมสดชื่น (Aroma) ให้เครื่องดื่มของเราได้ด้วย

ตามมาด้วยอาหารทานจริง ๕๕๕ หลักๆ แล้วอาหารของร้านนี้จะออกเป็นแนวล้านนาฟิวชั่น หรือไทยฟิวชั่น เริ่มจากสปาเก็ตตี้ต้มยำกุ้ง และสปาเก็ตตี้น้ำพริกอ่อง (เมนูนี้มาแปลก ปกติจะเห็นแต่สปาเก็ตตี้ไส้อั่ว แต่ที่นี่เก๋ไก๋ เอาน้ำพริกอ่องมาผสมผสานกับเส้นสปาเก็ตตี้ รสชาติก็จะออกเผ็ดเล็กน้อย หวานๆ ตามสไตล์ของน้ำพริกอ่องบ้านเรา)

หรือแม้แต่ข้าวผัดฮังเล เขาจะใช้น้ำแกงฮังเลเล็กน้อยเอามาผัดกับข้าวเพื่อให้ได้กลิ่นของแกงฮังเลซึมลงในเม็ดข้าว พร้อมทั้งเสิร์ฟกับแกงฮังเลในชามกะลามะพร้าว

หรือใครที่อยากได้แบบเซ็ทใหญ่ หรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศการดื่มชาในยามบ่าย ที่นี่ก็มีชุด Afternoon Tea แต่ไม่ได้เสิร์ฟมาแบบเป็นชั้นๆ เหมือนหลายๆ ที่ ที่นี่เขาทำเก๋ไก๋เสิร์ฟอาหารและขนมมาในถาด พร้อมกับภาชนะที่ใส่คือกะลามะพร้าว โดยในชุดก็ประกอบด้วย พานาค้อตต้า, เคลมบูเล่, สโคนพร้อมดิปป์, ไส้อั่วชีส, ขนมไทย และสลัด เซ็ทนี้จัดมาอย่าง Full Option เรียกได้ว่าชุดเดียวจอด ๕๕๕

ปิดท้ายเมนูเบาๆ จะพูดว่าเป็นสลัดก็ไม่เชิง ที่นี่เขาเรียกเมนูนี้ว่า Vegetable Dipp โดยจะมีผักนานาชนิดเสิร์ฟมาพร้อมกับซอส 2 ชนิดคือ ซอสวาซาบิ และซอสน้ำพริกหนุ่ม รสชาติบอกเลยว่าแปลกประหลาดมาก แต่น้าอ้วนชอบซอสวาซาบิ เพราะรสชาติรู้สึกซาบซ่านดี 🙂

Share on Facebook

Tweet

Follow us