Posted On
ส้มตำยกครก สาขานิมมานเหมินทร์ 11 อร่อยแซ่บเต็มๆ ครก
ย้อนอดีตไปไกลสักหน่อย ถ้าไม่นับร้านส้มตำครกหลวง ก็จะมีร้านส้มตำอีกยี่ห้อหนึ่ง ที่อยู่คู่เมืองเชียงใหม่และน้าอ้วนถือว่าเป็นร้านส้มตำที่อร่อยอีกร้านหนึ่ง ร้านนี้อยู่ที่อุทยานการค้ากาดสวนแก้วนั่นเอง นานมากละน้าอ้วนเคยมีโอกาสไปแวะชิมร้านนี้ จุดเด่นของร้านนี้คือเขาไม่ใช้จานธรรมดามาเสิร์ฟ เขาทำเก๋ยกครกดินเผาไซส์กลางเอามาเสิร์ฟให้ลูกค้า และนั่นจึงเป็นที่มาของร้านส้มตำที่ถือว่าเก่าแก่อีกร้านหนึ่งของเชียงใหม่ ร้านส้มตำยกครก
ชื่อร้าน : ส้มตำยกครก สาขานิมมานเหมินทร์ 11 อร่อยแซ่บเต็มๆ ครก
ที่อยู่ : สี่แยกกลางซอย 11 ถนนนิมมานเหมินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50200
พิกัด GPS : 18.797001,98.968523 (ดูแผนที่จาก Google Map)
ติดต่อ : 084 0434773
เวลาเปิด-ปิด : 10:30 – 20:30 น. ทุกวัน
สาขาที่เราจะมารีวิวในวันนี้ เป็นสาขาใหม่ครับ สาขาแรกๆ ที่เขามีคือสาขาอุทยานการค้ากาดสวนแก้ว ซึ่งในอีกไม่นานก็จะย้ายแล้วครับเพราะหมดสัญญา ซึ่งก็จะทำให้เหลือเพียง 2 สาขาเท่านั้นคือสาขาถนนวัวลาย และสาขานิมมานเหมินทร์ ซอย 11 ซึ่งสาขานี้เป็นสาขาใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดได้ประมาณเกือบ 2 เดือน หลายๆ ท่านอาจจะยังไม่เคยเห็น หรือไม่เคยรู้จัก แต่บอกเลยว่าทางมาสาขานี้ง่ายมากครับ น้าอ้วนมาเป็นครั้งแรกยังมาถูกเลย
1. หากมาจากถนนนิมมานเหมินทร์ ให้เข้าซอย 11 มาครับตรงมาเรื่อยๆ จนถึงสี่แยกกลางซอย ร้านจะอยู่ตรงมุมสี่แยกพอดี ตรงข้ามร้าน Beer Republic เป็นบ้านใหญ่ๆ สีขาวซ้ายมือ
2. หากมาจากถนนศิริมังคลาจารย์ ให้เข้าซอยร้านอาหาร Daily ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงสี่แยกกลางซอยเช่นเดียวกันครับ ร้านจะอยู่ขวามือ
ใครที่เอารถยนต์มาสามารถจอดรถได้ที่ลานจอดรถข้างศูนย์รถ Ducati (นิมมานเหมินทร์ซอย 9) ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายครับ ส่วนมอเตอร์ไซค์จอดหน้าร้านได้เลย
แว๊บแรกที่ใครๆ เห็นร้านนี้ก็คงคิดว่าใช่เหรอ บ้านหลังนี้คือร้านส้มตำเหรอ? ถ้าไม่เห็นป้าย “ส้มตำยกครก” ติดอยู่หน้าบ้าน น้าอ้วนก็คงไม่กล้าเข้า เพราะดูแล้วมันดูแตกต่างจากร้านอื่นๆ ทั่วไปแถวนิมมานฯ นี้ทั้งหมด นึกว่าเป็นบ้านคนเสียอีก ๕๕๕ บรรยากาศของร้านก็จะมีอยู่ 2 โซนก็คือด้านในร้านซึ่งเป็นห้องแอร์ และด้านนอกจะเป็นบรรยากาศเปิดโล่ง นั่งโต๊ะข้างริมรั้วบ้าน นั่งกินไปด้วย นั่งดูรถที่สัญจรผ่านมาไปด้วยก็ได้บรรยากาศอีกอารมณ์หนึ่งดีนะ
นอกจากเมนูส้มตำที่ค่อนข้างมากมายหลากหลายชนิด ทั้งเป็นแบบส้มตำธรรมดา หรือเป็นส้มตำฟิวชั่น ที่ดัดแปลง ตัดเสริมเติมแต่งสูตรต่างๆ ให้ได้ออกมาเพื่อให้ลูกค้าได้มีเมนูให้เลือกได้หลากหลาย ที่นี่เขายังมีพวกอาหารอีสาน (ร้านส้มตำมักจะมีอาหารอีสาน ซึ่งเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้) นับอีก 20 กว่าชนิด และยังไม่หมดครับเขายังมีอาหารจานเดียวไว้บริการด้วย หากใครที่อาจจะไม่อยากมาทานส้มตำ แวะมาทานข้าวธรรมดาก็ได้จ้าา
อย่างที่บอกว่าร้านนี้เขาทำเก๋ เสิร์ฟส้มตำมาในครกดินไซส์กลาง ดังนั้นจึงทำให้โต๊ะอาหารในวันนี้จึงเต็มไปด้วยครก ในครกก็จะประกอบไปด้วยส้มตำชนิดต่างๆ นับแล้วได้ทั้งหมด 8 ครก (เต็มโต๊ะไปหมดวุ๊ย!!!) ขออนุญาตนำเสนอแบบโดยรวมแล้วกันครับ เพราะบอกเลยว่าครกไหน เป็นครกไหนไม่รู้แล้ว ๕๕๕ เยอะเหลือเกิน ก็บนโต๊ะทั้งหมดก็ได้แก่ ….. ตำต้มยำ, ตำคะน้าหมูย่าง (อันนี้อร่อยแนะนำ), ตำวุ้นเส้น (สำหรับสาวๆ ที่กลัวอ้วน), ตำน้ำปู, ตำโล่งโจ้ง, ตำมะม่วงปลาดุกฟู (อันนี้ต้องแนะนำเหมือนกันเพราะปลาดุกฟูแท้ๆ ไม่ใส่แป้งเลย), ตำต่างเมือง และตำเส้นหลวงพระบางหมูย่าง รสชาติโดยรวมถือว่าเป็นส้มตำที่ครบรส ถ้าครกไหนเป็นแบบไทยก็จะได้รสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ดเข้ากันได้อย่างลงตัวและกลมกล่อม แต่ถ้าครกไหนที่ใส่พวกกะปิ หรือปลาร้า ก็จะได้กลิ่นเล็กน้อยแต่เวลาทานแล้วก็จะไม่ฉุนหรือรุนแรง แต่รสชาติออกรสออกชาติมาก เหมาะสำหรับคนที่ชอบความจัดจ้านและอร่อยในตัว
รวมไปถึงเครื่องเคียงที่ต้องจัดมาทานกับส้มตำอย่างข้าวเหนียว, ขนมจีน, เส้นหมี่ ซึ่งก็ถือว่าเป็นอะไรที่ธรรมดา ร้านไหนก็มี แต่ที่นี่ตัวเด่นอย่างหนึ่งคือข้าวเหนียวทอด (2 ลูก) เป็นข้าวเหนียวที่ปั้นเป็นลูกกลมๆ แล้วนำไปทอด รสชาติจะมีความมันๆ รสชาติออกแนวข้าวมัน อร่อยมาก น้าอ้วนว่าทานเปล่าๆ ก็ยังอร่อยเลยครับ
ยังไม่หมดครับนอกจากเมนูส้มตำกว่า 30 ชนิด (ในรายการอาหาร) เขายังมีเมนูอาหารอีสานรสแซ่บให้ได้ชิมอีกมากมายหลายอย่างด้วยเหมือนกันนะครับ วันนี้ขอนำเสนอแกงอ่อมลาว, น้ำตกทะเล, หมูแดดเดียว (สูตรดั้งเดิม ไม่ใชหมูหวานแดดเดียว), ก๋วยเตี๋ยวส้มตำ (เมนูนี้แอบทำเก๋เอาส้มตำมาทำเป็นน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวพร้อมใส่หมู รสชาติอรอ่ยไปอีกแบบหนึ่ง), จุ่มแซ่บสำเร็จ และเห็ดกรอบ
ประวัติส้มตำ
ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่ามีการนำมะละกอดิบมาปรุงเป็นส้มตำเป็นครั้งแรกเมื่อใด อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงที่มาของส่วนประกอบต่างๆ ของส้มตำ อาจได้ข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการสันนิษฐานถึงที่มาของส้มตำได้มะละกอเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง และถูกนำเข้ามาปลูกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้โดยชาวสเปน และโปรตุเกสในยุคต้นกรุงศรีอยุธยาในขณะที่พริก อาจถูกนำเข้ามาเผยแพร่โดยชาวฮอลันดาในช่วงเวลาต่อมา
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีฑูตชาวฝรั่งเศสผู้มาเยือนกรุงศรีอยุธยา คือนิโคลาส์ แชรเวส และ เดอะ ลาดูแบร์ ต่างได้พรรณนาว่า ในเวลานั้นมะละกอได้กลายเป็นพืชพื้นเมืองชนิดหนึ่งของสยามไปแล้ว และได้กล่าวถึงกระเทียม มะนาว มะม่วง กุ้งแห้ง ปลาร้า ปลากรอบ กล้วย น้ำตาล แตงกวา พริกไทย ถั่วชนิดต่างๆ ที่ล้วนสามารถใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับปรุงส้มตำได้ ขณะเดียวกันก็ได้เขียนว่าในขณะนั้นสยามไม่มี กะหล่ำปลี และชาวสยามนิยมบริโภคข้าวสวย อย่างไรก็ตามไม่มีการกล่าวถึงมะเขือเทศและพริกสด แต่อย่างใด
ในปัจจุบันส้มตำเป็นอาหารที่แพร่หลาย และนิยมรับประทานทุกภาคของประเทศไทย และยังเป็นอาหารไทยที่ขึ้นหน้าขึ้นตาต่อชาวโลกอีกด้วย
ร้านส้มตำที่ถือว่าเป็นร้านส้มตำคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ เพราะเขาเปิดมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว น้าอ้วนยังจำได้ว่าสมัยที่เป็นวัยรุ่น น้าอ้วนก็เห็นร้านนี้แล้วแหละ ร้านส้มตำที่แหวกแนวด้วยการเสิร์ฟแบบใช้ครก ทำให้ร้านนี้จึงมีจุดขายและจุดเด่นเป็นของตัวเอง ซึ่งตอนแรกสูตรต้นตำหรับเขามาจากบางแสน ชลบุรี และร้านส้มตำยกครกแห่งนี้ก็เป็นเพียงเจ้าเดียวที่ได้รับสิทธิ์มาเปิดที่เชียงใหม่ โดยทั้งหมด ณ ตอนนี้จะมีอยู่ 2 สาขาก็คือถนนวัวลาย และนิมมาเหมินทร์ ซอย 11 รสชาติถือว่าแซ่บสะใจ กลมกล่อม แต่ถ้าใครต้องการรสชาติแบบไหนก็สามารถบอกพ่อครัว แม่ครัวให้เพิ่มพริก เพิ่มน้ำปลาได้ครับ เพื่อความสะใจตามที่แต่ละคนต้องการ
RELATED POSTS
-
สั่งแค่จานสเต๊กจานหลักเริ่มต้น 239 บาท รับอิ่มไม่อั้นฟรีอีกกว่า 60 รายการ งบไม่บานปลายที่ Steak & Co.
-
อิ่มไม่อั้นกับอาหารญี่ปุ่นบุฟเฟ่ต์สุดเจ๋ง ราคาเป็นกันเองแบบไม่จำกัดเวลาที่ MAMMOTH BUFFET
-
Brownie Brown Coffee Lab ร้านกาแฟเก๋ๆ สนุกสนานด้วยการทดลองวิทยาศาสตร์
-
บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นอันดับหนึ่งของเชียงใหม่ ที่ยังไม่มีใครโค่นแชมป์ลงได้ – REN by Dhara Dhevi
-
ยกวัตถุดิบสดใหม่จากทุกมุมโลก มาเสิร์ฟในแบบญี่ปุ่นพรีเมียมให้คนเชียงใหม่ได้สัมผัสที่ Tenyuu Chiangmai
-
ห้องอาหารจัสมิน โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส เชียงใหม่
-
ชมพู๊ ชมพู สาวกแมวเหมียวห้ามพลาดที่ Le Macaron สาขาสารภี
COMMENT