FOLLOW US ON SOCIAL

Posted On

10
August
2023

อยากเป็นคนพิเศษ ในค่ำคืนพิเศษ กับร้านอาหารสไตล์ Fine Dining ที่มาแล้วต้องว้าวที่ Redbox Chiang Mai

เชื่อว่าทุกคนย่อมต้องมีวันพิเศษ จะพิเศษสำหรับคู่รัก หรือพิเศษสำหรับครอบครัว ส่วนมากก็มักจะหาร้านอาหารดี ๆ ร้านอาหารที่ไปแล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ และหลาย ๆ คนก็มักจะเลือกร้านอาหารที่เป็นลักษณของ Fine Dining แน่นอนว่าอาหารที่เสิร์ฟ หรือแม้แต่บริการที่ได้รับ ย่อมทำให้ลูกค้าที่ไปใช้บริการรู้สึกพิเศษแน่นอน ดังนั้นวันนี้น้าอ้วนจึงอยากแนะนำร้านอาหารดี ๆ ร้านหนึ่ง ถ้าอยากได้ความพิเศษหละก็ ที่นี่มีพร้อมให้บริการ กับร้านดี ๆ ที่ได้รับรางวัลมากมายอย่าง Redbox Chiang Mai

ทำไมน้าอ้วนใช้คำว่า “พิเศษ” เปลืองจัง ก็เพราะว่าที่นี่ไม่เหมือนใคร ใครที่มาแล้วก็น่าจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษเหมือนกับที่น้าไปมา ร้านนี้ตั้งอยู่ซอยจันทร์ศัพท์ เอ๊ะ ถ้าบอกชื่อซอยนี้มาหลายคนก็คงไม่คุ้นหู เอาง่าย ๆ เลย ถ้าเราเริ่มต้นจากสี่แยกรินคำ ให้มุ่งหน้าไปทางแยกแจ่งหัวลิน (ทางกาดสวนแก้ว) ขับไปประมาณ 200 เมตร ซอยจันทร์ศัพท์จะอยู่ซ้ายมือ ปากซอยจะมีโรงเรียนอนุบาลนานาชาติไบรท์ซีด เข้าซอยไปประมาณ 100 เมตร ร้านจะอยู่ขวามือ รถยนต์สามารถจอดในร้านได้เลย

ร้านจะไม่ใหญ่ แต่การตกแต่งบอกเลยว่าค่อนข้างหรูหรา มีโต๊ะให้บริการประมาณ 4-5 โต๊ะ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าถ้าใครอยากจะมาที่นี่ควรโทรจองก่อนนะ เพราะเท่าที่รู้มาหลาย ๆ วันคิวจองเต็มแน่นเลย ใครที่ชะล่าใจว่าจะ Walk In มา บอกเลยอาจจะพลาดก็ได้ เบอร์โทร 092-9794542 ลืมบอกไปว่า ร้านเปิด 2 ช่วงคือ 11.30 น. – 14.00 น. และ 17.30 – 21.30 น. หยุดทุกวันอังคาร นะจ๊ะ

ต้องบอกว่าที่นี่เป็นร้านอาหารไทย เพราะน้าเกริ่นไปว่าที่นี่เป็น Fine Dining เดี๋ยวจะเข้าใจกันไปว่าเป็นร้านอาหารฝรั่ง รสชาตินี่เป็นไทยมาก แต่หน้าตานี่ Inter สุด ๆ

เริ่มต้นด้วย Amuse bouche เมนูเรียกน้ำย่อยตามใจเชฟในสไตล์ไทย ถึง 3 แบบ 3 สไตล์กันเลยทีเดียว กินเรียกน้ำย่อย เพลิน ๆ

ทีนี้เราก็มาเริ่มต้นกับเมนูใหม่ ที่ต้องบอกว่าเชฟจะพาไปท่องเอเชียกัน กับเซตเมนูใหม่ล่าสุดของ Redbox Chiang Mai ในธีมของ Journey Across Asia 

เริ่มจากเมนู Starter กับ Hokkaido Scallop Thai Onion Cream Chiang Mai Roasted Rice Pops & Crispy Shallot ชื่อย๊าวยาวแต่เป็นเมนูที่ผสมผสานความเป็นไทย-เมืองเหนือ และญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน เนื้อหอยเชลล์จากฮอกไกโดที่เอาไปเซียร์ให้สุกแต่ด้านในยังคงความฉ่ำ หวาน เสิร์ฟคู่กับซอสครีม ผสานความเป็นเมืองเหนือด้วยข้าวพองและหอมเจียว สำหรับเมนูนี้ถ้าใครอยากฟินเพิ่ม สามารถเพิ่ม French Caviar ซึ่งเขาจะเสิร์ฟมาพร้อมกับ Pumpkin Brioche

ตามมาด้วยเมนู Soup อย่าง Thai Mushroom & Truffle Soup เห็ดในแบบไทย ๆ เสิร์ฟคู่กับครีมเห็ดทรัฟเฟิล บอกเลยว่าเนื้อซุปข้น ได้รสสัมผัสของเนื้อเห็ดที่ไม่ได้ละเอียดจนเกินไป พร้อมกลิ่นของทรัฟเฟิลมันฟุ้งอยู่ในปากในทุกคำ

มาถึงเมนู Salad กันบ้าง หลาย ๆ คนก็คงคิดว่าถ้าเข้าสู่เมนูสลัดก็คงจะมีแต่ผัก ผัก แล้วก็ผัก แต่บอกเลยว่าจานนี้สุดว้าวมาก เพราะมันคือ Siam Citrus & Foie Gras พูดง่าย ๆ คือ ยำส้มโอเสิร์ฟพร้อมตับห่านนี่เอง ตับห่านถือเป็นเมนูที่มีรสชาติที่ค่อนข้างเลี่ยน แต่พอได้ยำส้มโอที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว และสดชื่นมาช่วยแล้วหละก็ บอกเลยว่าจานเดียวนี่ไม่พอนะ เพราะมันฟิน มันละมุนไปหมด

ในที่สุดก็มาถึงเมนู Main Course กันซะที รอบนี้น้าเอาเมนูสำหรับเมนมาแนะนำกันแบบจุใจกันไปเลย ใครชอบทะเลก็มี ชอบปลาก็ได้ หรือจะเป็นสาวกเนื้อก็ต้องฟินแน่นอน

Grilled Surathanee River Prawn, Highland Rice Tomyam Risotto กุ้งแม่น้ำตัวโต ในหัวนี่มีแต่มันเยิ้ม ๆ ใช่ว่าจะฟินแค่มันหัวกุ้ง แต่เนื้อกุ้งที่ต้องบอกว่าแน่น เฟิร์ม ฉ่ำ และหวานมาก เสิร์ฟพร้อมกับข้าวจากทางเหนือ เชฟเอามาทำเป็นข้าวสไตล์รีซอตโต้แบบอิตาเลียนแต่แฝงความเป็นไทยในแบบของต้มยำ

Grilled Barramundi Southern Golden Curry ปลากะพงชิ้นโต ชิ้นหนา ๆ เอาไปย่างให้สุก แต่ด้านในยังคงความฉ่ำไว้ได้อย่างดี ด้านบนท็อปด้วยปลาฟูเพิ่มเท็กเจอร์กรุบกรอบให้จานนี้ ครั้นจะกินปลาเฉย ๆ ก็คงไม่ฟิน เชฟเลยเสิร์ฟเป็นซอสแกงใต้ที่รสชาติจัดจ้านเบา ๆ และกลมกล่อมมาให้ด้วย

มาถึงเมนูของสายเนื้อกันบ้าง Panang Beef Curry เมนูนี้ชื่อไม่ยาว แต่ตรงตัว เนื้อชิ้นหนา ๆ ใหญ่ ๆ เสิร์ฟมากันแบบจุใจ ย่างมาแบบมีเดียมแรร์ ความสุกในอุดมคติ ราดซอสพะแนงเข้าไป บอกเลยว่าแสงออกปากได้ทันที

ปิดฉากสำหรับมื้อแห่งความฟินนี้ด้วยของหวานสุดพิเศษ เป็นของหวานที่เขาได้รางวัล Top 5 Best Signature Dishes in the Michelin Guide Thailand นั่นก็คือ Siam Ruby ไอศกรีมกะทิสด ที่อบด้วยควันเทียน เวลาเปิดฝาปุ๊บควันที่ส่งกลิ่นหอมจะฟุ้งกระจาย กลิ่นอบอวน ด้านล่างมีครัมเบิลกรุบกรอบเสิร์ฟมาด้วย

Petit Four ของหวานแบบนี้มักจะเจอในหลาย ๆ ร้าน เป็นของหวานล้างปากชิ้นเล็ก ๆ ประกอบไปด้วย 4 แบบ 4 สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น Cranberries Panning Chocolate, RB Dark Bar, ผลไม้กวนในแบบ Pate de Fruit หรือเจลลี่ฝรั่งเศส และ มาการองในแบบฝรั่งแต่รสชาติไทยแท้

แต่เดี๋ยวก่อน … ตอนแรกน้าอ้วนก็คิดว่าจบคอร์สเรียบร้อย แต่เชฟบอกว่ามีขนมหวานตัวใหม่อยากให้ลองชิม เอ้า! ไหน ๆ ก็มาละ ลองกันซะหน่อย เมนูนี้มีความเป็นไทยแท้ แต่หน้าตาอินเตอร์เชียว ประกอบด้วย ขนมหม้อแกงที่ทำเป็นเครมบูเร และเสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีมข้าวเหนียวมะม่วง รสชาติไท๊ไทย แต่หน้าตาอินเตอร์มากมาย

สรุปว่าปิดคอร์สนี้กันสมบูรณ์แบบ เอาจริง ๆ ถึงแม้การเสิร์ฟอาหารแบบ Fine Dining หลายคนอาจจะมองถึงความอิ่มเป็นหลัก เสิร์ฟกันจานเล็ก ๆ แบบนี้จะอิ่มไหม? แต่ต้องบอกเลยว่าหลาย ๆ เมนูที่เอามาแนะนำให้รู้จักกันวันนี้ น้าอ้วนไปกัน 3 คน แชร์กันทั้งหมด บอกเลยว่าอิ่มแบบพอดี นอกจากอิ่มแล้วได้ยังความฟิน ยังได้อรรถรสของความเป็น Fine Dining และบริการพิเศษระดับ 5 ดาวด้วย ดังนั้นใครอยากเป็นคนพิเศษ อยากมีโมเมนต์ของโอกาสพิเศษ แนะนำ Redbox Chiang Mai แห่งนี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกนะจ๊ะ

RELATED POSTS

COMMENT

0 Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save