FOLLOW US ON SOCIAL

Posted On

28
July
2019

The Redbox Restaurant วัตถุดิบจากท้องถิ่นผสานความเป็น Modern Twist จนเป็นเมนูสุดหรูที่หลายคนจับต้องได้

อาหารเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีวิวัฒนาการมาช้านาน อาหารเริ่มต้นจากที่มนุษย์เราเริ่มใช้ไฟเป็น แล้วทำอาหารกินเพื่อการดำรงชีวิต หลังจากที่ยุคสมัยผ่านไป วิวัฒนาการของอาหารนั้นก็แตกแขนงและพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นอาหารที่ขายกันตามข้างทางที่เราเรียกกันว่า Street Food หรือจะเป็นอาหารที่ขายกันตามภัตตาคาร ร้านอาหารหรู ๆ ที่เราเรียกติดปากกันว่า Fine Dining และสำหรับร้านที่น้าอ้วนจะมาแนะนำในวันนี้ ถ้าเราจะเรียกว่าเป็น Fine Dining ก็อาจจะไม่ผิด เพราะดูจากหน้าตาและเทคนิคที่ใช้ต้องเรียกว่าไม่ใช่ย่อยเลย ร้านดี ๆ ที่อยากแนะนำกันวันนี้คือ The Redbox Restaurant

ร้าน The Redbox Restaurant ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสุดชิคอย่างเมญ่า และนิมมานเหมินท์ ซึ่งร้านจะตั้งอยู่ในซอยจันทร์ศัพท์ เริ่มต้นการเดินทางจากสี่แยกรินคำ ให้เลี้ยวเข้าสู่ถนนห้วยแก้วมุ่งหน้าไปยังกาดสวนแก้ว เมื่อขับมาได้ 160 เมตร ซอยจันทร์ศัพท์จะอยู่ด้านซ้ายมือ (ติดกับ De Chai Spa) เลี้ยวเข้าซอยไปเล็กน้อย ร้าน The Redbox Restaurant จะอยู่ด้านขวามือ รถยนต์สามารถจอดด้านในร้านได้ หรือจะจอดชิด ๆ ข้างทางก็ได้

ทำไมน้าอ้วนถึงเลือกร้านนี้มาแนะนำ บอกเลยว่าสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของร้านนี้ก็คือ การนำอาหารไทยมาปรุงรสออกมาในแบบรสชาติไทยแท้ ๆ วัตถุดิบพื้นบ้าน แต่ใช้เทคนิคและกระบวนการแบบฝรั่ง ทำให้อาหารจานที่เสิร์ฟมานั้นดูน่าสนใจยิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงความเป็นไทย และมีกลิ่นอายของความเป็นเอเชีย

แต่ทางร้านก็ไม่ได้เรียกอาหารของตัวเองว่าเป็น Fine Dining อย่างเต็มปาก เพราะถ้าใครได้เข้ามาแล้วจะรู้สึกอารมณ์เหมือนว่า มากินข้าวบ้านเพื่อน โดยที่เจ้าบ้านทำอาหารให้กิน แต่ยังคงแฝงด้วยการให้บริการอย่างมืออาชีพ จึงทำให้ลูกค้าทุกคนที่ได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ ได้สัมผัสถึง รูป (หน้าตาอาหาร), รส (รสชาติอาหาร), กลิ่น (กลิ่นของอาหาร), เสียง (เพลงที่บรรเลงขับกล่อม) และบริการอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ โดยจะมีเพียง 7 โต๊ะเท่านั้น ซึ่งเชฟให้เหตุผลที่ว่า อยากเน้นคุณภาพของอาหารให้ถึงพร้อม เพราะถ้าในแต่ละวันมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมาก จะทำให้คุณภาพของอาหารที่เสิร์ฟนั้นอาจจะผิดพลาดได้ จึงอยากเน้นเรื่องของคุณภาพมากกว่าปริมาณ

แคนาเดียนล็อบสเตอร์ เทลส์ (1 หาง 850 บาท และ 2 หาง 1,400 บาท) กุ้งมังกรที่เสิร์ฟแต่ส่วนหางเนื้อชิ้นใหญ่ ๆ แน่น ๆ แต่ส่วนหัวก็เอาไปทำน้ำซอสได้นะจ๊ะ รสชาติของเนื้อกุ้งนั้นสด และแน่นอร่อยมาก เสิร์ฟพร้อมกับซอสที่เคี่ยวจากหัวกุ้งรสชาติหอม อร่อย และผักต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมะเขือม่วงและซูกินี่ที่ไม่ได้ปรุงจนเละ แต่ยังคงความสดและกรอบอร่อย

Hokkaido Octopus Crispy Shallot & Onion Cream (550 บาท) เมนูสำหรับคนที่ชื่นชอบหมึกยักษ์เป็นพิเศษ หมึกยักษ์จากเกาะฮอคไกโด ประเทศญี่ปุ่นส่งตรงมาถึงกระทะที่ร้าน ย่างจนหมึกยักษ์ด้านนอกสุกด้านในยังคงความเหนียวหนึบอร่อย เสิร์ฟพร้อมกับหอมแดงและหอมใหญ่กรอบ พร้อมครีมซอสรสเด็ด ตกแต่งด้วย Coral Tuile เข้าไปสักนิดเพื่อเพิ่มกลิ่นอายของทะเลให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

Crispy Pork & Crispy Thai Herb & Salted Egg (490 บาท) หมูกรอบเชื่อว่าเป็นเมนูที่ใครหลาย ๆ คนชอบแน่นอน เพราะความอร่อยของหนังที่กรอบอร่อย แทรกด้วยไขมันที่ฉ่ำและเนื้อหมูที่นุ่ม ถือว่าเป็นเมนูในฝันของหลายคน นอกจากหมูกรอบที่เสิร์ฟมาแล้ว สมุนไพรกรอบที่เคียงคู่กับหมูกรอบก็อร่อยไม่แพ้กัน หอมฟุ้งพร้อมความมันเจือด้วยความเค็มกำลังดีของไข่เค็มจากไชยา เมนูนี้กินหมูกรอบแล้วอย่าลืมตักสมุนไพรกรอบตามด้วยนะจ๊ะ

กุ้งตะไคร้กระทงกรอบ (350 บาท) พล่ากุ้งรสเด็ด เปรี้ยว หวาน เค็มอร่อย พร้อมตะไคร้หั่นฝอยและหอมแดงทอดจนกรอบคลุกเคล้ามาจนเข้ากัน เสิร์ฟพร้อมกับขนมดอกจอกที่หลายคนคุ้นเคยในลักษณะของขนมไทย แต่เชฟได้นำเมนูขนมไทยชนิดนี้มาผสมผสานกับอาหารจานนี้ ซึ่งเมื่อได้ชิมแล้วมันเข้ากันดีเลย

Pan Sear Salmon Steak Khaosoi (690 บาท) ตอนแรกในใจคิดว่าข้าวซอยปลาแซลมอนน่าจะมาเป็นแบบชาม ๆ ราดด้วยน้ำข้าวซอยหอมฟุ้ง แต่พอมาเสิร์ฟแล้วผิดคาด หน้าตาของอาหารเหนือที่เราคุ้นเคยกลายเป็น Modern Twist ได้อย่างประหลาดใจ Salmon Fillet ที่เอาไปจี่บนกระทะจนหนังกรอบ เนื้อปลาสุก เสิร์ฟมาพร้อมกับเส้นข้าวซอยแบบกลมที่ทอดจนกรอบ หอมแดงที่เอาไปจี่ และผักต่าง ๆ ที่ตกแต่งมาบนจานจนรู้สึกเหมือนว่าอยู่ในสวนดอกไม้ จุดเด่นอยู่ที่ซอสข้าวซอยที่เข้มข้น แต่กลิ่นและรสชาติเป็นสไตล์เหนือแท้ ๆ เมนูอร่อย ที่แปลกตาแต่รสชาติคุ้นเคย

หลนผักบุ้กรอบ (290 บาท) เมนูนี้หน้าตาอาจจะคุ้นเคยกันมากหน่อย ๕๕๕ แต่ความอร่อยนั้นบอกเลยว่าให้เต็ม 100 ผักบุ้งที่เอาไปชุบแป้งแล้วทอดจนกรอบ เสิร์ฟพร้อมกับหลนที่มีส่วนผสมของเนื้อหมูสับ หอมแดง เครื่องแกง ฯลฯ ปรุงรสให้หวานนำ แล้วมีความมันของกะทิ เมนูอร่อย ๆ กินเล่น ๆ ก็เพลินพุงดี

กินของคาวเสร็จไปเรียบร้อย เราก็ต้องปิดมื้ออาหารด้วยของหวานหรือเครื่องดื่มสุดชิค ต้องบอกว่าที่นี่เขามีบาร์เทนเดอร์ และซอมเมอลิเย่ร์ (ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์) ประจำการอยู่ที่ร้านด้วย ดังนั้นใครอยากได้เครื่องดื่มแบบไหน หรือไวน์แบบใดลองให้แนะนำได้นะจ๊ะ

Teh Tarik (195 บาท) เป็นชาที่มาจากประเทศบรูไน ลืมเล่าไปว่าเชฟเขาเคยทำงานและเปิดร้านอาหารอยู่ที่ประเทศบรูไนมาหลายปี ดังนั้นสิ่งที่ดี ๆ จากบรูไน เชฟก็เลยเอามาใช้ที่นี่ด้วย รสชาติเข้มข้น หอม ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าเข้มกว่าชาแดงบ้านเราพอสมควร

Tumeric Latte (150 บาท) กาแฟร้อนที่นิยมดื่มหลังมื้ออาหาร เพราะจะมีส่วนผสมของขมิ้นชัน, Vanilla Extract ซึ่งจะมีสรรพคุณในการช่วยย่อยอาหารด้วย

The Breakfast (220 บาท) กาแฟที่หน้าตาแปลกประหลาด ซึ่งเป็นกาแฟที่จำลองอาหารเช้ามาเป็นเครื่องดื่มสุดแปลก ซึ่งจะมีส่วนผสมของทั้งกาแฟ ส้ม ถั่ว และแผ่นเครมบูเล่รสเค็ม และท็อปด้วยโฟมไข่ขาว รสชาติจะออกแนวเค็ม เผ็ด และเปรี้ยว สำหรับกาแฟแก้วนี้บอกเลยว่าดื่มแล้วให้ได้พลังงานพร้อมลุยตลอดวัน

Kyoto Twist ( บาท) เป็นความฟิวชั่นระหว่างไทยและญี่ปุ่นที่ออกมาได้อย่างลงตัว ไอศกรีมกะทิพร้อมมะพร้าวคั่วที่หอมมัน ผสานกับชาเขียวแท้ ๆ ที่นำเข้าจากญี่ปุ่น ชงแบบญี่ปุ่นจนได้เป็นชาเขียวที่เข้มข้น ราดลงบนไอศกรีมถือเป็นเมนูความอร่อยที่เข้ากันอย่างลงตัว

สุดท้ายด้วยของหวานสุดฮิตอย่าง มาการอง (ชิ้นละ บาท) ซึ่งมีหลากหลายรสชาติที่เชฟได้ทำเองทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น Earl Grey, Yogurt Lime, Vanilla Madagascar, Dark Chocolate, Blue Berry เป็นต้น

ด้วยความตั้งใจของเชฟแดน Chef de Cuisine ของ The Redbox Restaurant ผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการอาหารถึง 14 ปี ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นเด็กล้างจานที่ Sydney, Australia จนเติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ จนได้เป็นเชฟอย่างเต็มตัว โดยที่ทางบ้านของเชฟนั้นก็มีกิจการร้านอาหารอยู่ที่ประเทศบรูไน เมื่อถึงเวลาจึงได้กลับไปช่วยทางครอบครัวไปบริหารกิจการร้านอาหาร ด้วยความชอบท่องเที่ยวในโซนของ South East Asia จึงได้นำเอาเอกลักษณ์ของอาหารชาติต่าง ๆ มาดัดแปลงและเพิ่มความเป็น Modern Twist ให้อาหารนั้น ๆ จนออกมาน่าสนใจขึ้น และเมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับมาประเทศไทย จึงอยากเอาเมนูต่าง ๆ ที่ตัวเองเชี่ยวชาญมาแสดงฝีมือให้คนเชียงใหม่ได้ลองสัมผัส จึงเกิดเป็น The Redbox Restaurant แห่งนี้ขึ้น

ชื่อร้าน: The Redbox Thailand
ที่อยู่ : 6 ถนนจันทร์ศัพท์ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.801517, 98.969772
ติดต่อ : 092-9794542 , https://www.facebook.com/redboxdining
เวลาเปิด-ปิด : 11:30 น. – 15:00 น. และ 17:30 – 22:00 น. หยุดทุกวันอังคาร
Wongnai Review : https://www.wongnai.com/restaurants/310023EZ-the-redbox-restaurant

RELATED POSTS

COMMENT

0 Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save